วันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าว ONBNEWS รายงานว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ (สสว.) นำโดย ผศ.ดร.มโน สุวรรณคำ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และในฐานะหัวหน้าโครงการกิจกรรมคลัสเตอร์สมุนไพร ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 พร้อมด้วยทีมวิทยากรด้านวิชาการและเทคโนโลยี ได้จัดอบรมเพื่อพัฒนาและยกระดับเครือข่ายผู้ประกอบการและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกับด้านสมุนไพร ซึ่งมีวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยนเป็นแกนนำเครือข่ายหลัก โดยมีนายชูศิลป์ สารรัตนะ ประธานวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน และนางสาวศิรินันท์ สารมณฐี ผู้จัดการวิสาหกิจชุมชน ฯ พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ปลูกสมุนไพร 5 หมู่บ้าน 120 ครัวเรือน ในพื้นที่ตำบลน้ำเกี๋ยน ให้การต้อนรับและเข้าร่วมการอบรมอย่างเข้มข้น ณ อาคารเอนกประสงค์ ตำบลน้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน
ผศ.ดร.มโน สุวรรณคำ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ได้ดำเนินงานมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2560 มีการรวมตัวเป็นกลุ่มคลัสเตอร์สมุนไพร จำนวน 9 กลุ่ม ทั่วทุกภาค โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนในกลุ่มธุรกิจสมุนไพรให้ครอบคลุมตั้งแต่ กลุ่มต้นน้ำซึ่งเป็นผู้ปลูกสมุนไพร กลุ่มกลางน้ำ คือผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์ และกลุ่มปลายน้ำ คือผู้จำหน่าย ซึ่งจังหวัดน่านมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยนที่เป็นแกนนำเครือข่ายหลัก เนื่องจากมีความเข้มแข็งของชุมชน สภาพอากาศและภูมิประเทศเหมาะสมกับการเพาะปลูกสมุนไพรที่มีคุณภาพ และการเติบโตของการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งทางทีมวิทยากรของ มทร.ธัญบุรี ได้เน้นการให้ความรู้และการพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปที่สามารถให้คงคุณสมบัติหรือฤทธิ์ทางสรรพคุณยาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์
โดยตลอดช่วง 5 ปี นับจากนี้จะสนับสนุนให้คลัสเตอร์สมุนไพรจังหวัดน่าน สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน ที่จะร่วมกันปลูก ร่วมกันซื้อขาย และพัฒนาไปพร้อมๆกัน โดยหลังจากได้เห็นต้นทุนพืชสมุนไพรและการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องของวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน จะได้นำสมุนไพร เช่นใบหมี่ ใบเชียงดา และสมุนไพรอื่นๆ ไปทำงานวิจัยให้เกิดผลทางวิทยาศาสตร์ เพื่อมารองรับผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในอนาคต
ที่มา : www.onbnews.com